พาเที่ยว…สามพันโบก ชะโงกดูเงา

ดองไว้นานมากกกกก กับทริปนี้ สามพันโบก ที่จังหวัดอุบลราชธานีครับ
เห็นรูปสวยๆมามากมายที่เขามาถ่ายๆ กัน ไอ้เราก็เลยอยากจะมีถ่ายเก็บเอาไว้เองบ้างตามประสาคนชอบท่องเที่ยวถ่ายรูป
พอดีหยุดยาวสามวันก่อนสงกรานต์ ก็เลยตั้งใจว่าจะไปเพราะมีเวลา ทีแรกจะไปคนเดียว เพราะรำคาญเบื่อๆเพื่อนเวลาไปโน่น มานี่
ทีนี้เลยลองชวนน้องสาวไปดู เออมันก็ดันว่างไปซะอีก ค่าใช้จ่ายเลยเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อยเพราะต้องออกบางส่วนให้มันด้วย – -“

คืนวันศุกร์ขึ้นรถถึงอุบลเช้าๆเลยครับ มาถึงไปไหนไม่ถูกเลยเลยลองมั่วๆนั่งสองแถวเข้าไปแถวหอนาฬิกาดู ประมาณ 7 โมงเช้า
ไปถึงเมืองร้างมากๆ น่ากลัวฉิบ นี่กรูมาทำอะไรที่นี่เนี่ยยยย โชคดีมีเพื่อนคนนึงอยู่อุบลเลยลองโทรไปถามๆมันดู สรุปคือ
ต้องไปแถวทุ่งศรีเมืองครับ จะพอมีตลาดหาข้าวกิน ก็เลยจัดข้าวเปียก (ก๋วยจั๊บญวณ) ซะหน่อย มาอีสานทั้งทีก็ต้องกินแบบนี้ล่ะ

ท้องอิ่มจึงหาเหมารถไปเที่ยวครับ เพราะสามพันโบกอยู่ไกลจากตัวเมืองพอสมควรเลย เลยเหมารถไปเที่ยวตามจุดต่างๆ
มาที่แรกเป็นวัดถ้ำคูหาสวรรค์ สวยมากๆ เ็นแหล่งเพาะกล้วยไม้ย่อมๆด้วย แถมมีจุดชมวิวเห็นลำน้ำโขงอีกต่างหาก

ที่ต่อมาเราไปผาแต้มครับที่นี่มีชื่อเสียงเรื่องจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยาม และภาพเขียนสีที่โด่งดัง แต่ผมไมไ่ด้เดินไปดูนะ
เพราะมันร้อนมากกกกก มีแต่หินล้อมและอมความร้อน ยังกับเตาอบไม่ไหวล่ะจ้าา

วิวจากผาแต้มครับ ถ้าได้มากางเต๊นท์นอนรอชมพระอาทิตย์ขึ้นคงจะดีไม่น้อย แต่พอดีเป็นหน้าร้อนขอบายล่ะ

ไปต่ออีกนิด ละแวกเดียวกัน ที่นี่เรียกว่าลานหินแตก เพราะหินแตกตัวเป็นช่องว่างเหมือนแผ่นดินแยก ร้อนไม่แพ้กัน
ไอร้อนจากหินที่เหยียบอยู่เนี่ยใช่เล่นเลยเชียว ขนาดไม่ค่อยมีแดดนะเนี่ย

ต่อมาเสาเฉลียงครับ ขอบ่นหน่อยว่าทั้งทริปที่ไปเนี่ย ไม่จอฟ้าใสๆเลยครับ แต่โชคดีเจอวันแรกช่วงเย็นฟ้าเปิดมีสีสัน ไม่งั้นไม่ได้รูปเลยล่ะ เซ็งตายชัก

นั่งรถยาววววว ต่อมาถึงที่หมายสามพันโบกครับ เราพักที่สองคอนรีสอร์ท ตรงหาดสลึงเป็นจุดลงเรือชมวิวด้วยล่ะ
ถึงราวๆทเี่ยง อาบน้ำหาข้าวกินแล้วนอนพัก ออกมาสี่โมงไปลงเรือครับ เรือเนี่ยตกลำละ 1200
แต่ว่าก็หาแชร์กับคนที่จะไปด้วยกันได้สบายๆครับ เพราะว่าเป็นหยุดยาวเลยมีคนมาเที่ยวพอสมควร

ชักภาพก่อนขึ้นเรือ ต้องเดินข้ามสันทรายเล็กๆ เลยจัดฉากว่าอยู่ทะเลทรายซะเลย 😀

เอ้าลงเรืออออออ

วิวลำน้ำโขงครับ อีกฝั่งนึงจะเป็นฝั่งลาว เหมือนโชคดีนะครับ เพราะหินเหล่านี้ และจุดท่องเที่ยวต่างๆที่สวยๆเนี่ย อยู่ในฝั่งไทยหมดเลย

internet security software reviews 2013

เวลาแวะจุดต่างๆ เรือก็จะจอดเทียบแบบนี้ล่ะครับ แล้วเราก็ต้องปีนขึ้นไปกัน ออกแรงกันสนุกล่ะ ชอบๆ แต่โดนแดดเผากลับมาดำเมี่ยงเลย

ที่นี่มีจุดเที่ยงอยู่หลายจุด แต่ว่าเราไปไม่ครบหรอกครับ
มาที่แรกเลย ลานหินสี หินที่เป็นสีๆ เป็นร้อยๆ พันๆก้อนนี่ เกิดเองตามธรรมชาตินะครับ ไม่มีใครเอาสีมาป้าย
หินจะออกมันๆเงาๆ ก้อนใหญ่และหนักมากกก (ยกไม่ขึ้น)

อีกสักใบ

แถมมีความเชื่อกันอีกหลายๆอย่าง อย่างเช่นเอาหินมาเรียงต่อกัน หรือเอาไม้มาค่ำหินเอาไว้ไม่ให้ล้มมั่งล่ะ
แต่ผมไม่ค่อยได้จำรายละเอียดเท่าไรเพราะไม่อินกับอะไรพวกนี้มากนัก

ภาพบนกับล่างคนละวันกันนะครับ อันไหนฟ้าสวยๆนั่นล่ะเย็นวันแรก อันไหนฟ้าเน่าคือเช้าวันที่สอง – -”

มีแอ่งน้ำที่ยังมีน้ำขังอยู่หลังจากน้ำลด ก็เอามาถ่ายเล่นสนุกๆได้

และแล้วมาถึงที่หมายครับ สามพันโบก โบก แปลว่าหลุมครับ หินพวกนี้โดนน้ำกัดเซาะจนเป็นหลุมน้อยใหญ่มากมาย
เลยเรียกกันว่าสามพันโบกครับ ซึ่งจริงๆอาจจะมี 2937 โบกก็ได้ใครจะไปรู้ 😛

ใบนี้ชอบมากที่สุดในทริปนี้เลยล่ะ

แสงยามเย็นลูบไล้ทำให้เห็นหินสีส้มออกมาเป็นสีสันสวยงามแบบนี้ล่ะ จะมาเที่ยงที่นี่ต้องมาช่วงน้ำแล้งนะครับ เป็นหน้าหนาว หรือร้อนนี่ล่ะ
มาหน้าฝนก็คงจะไมไ่ด้เห็นอะไร เพราะน้ำขึ้นมาบังหมด

ยามเย็นพระอาทิตย์ตกครับ โชคดีที่วันแรกฟ้าเปิด เลยได้เห็นความสวยงาม

หลังจากพระอาทิตย์ตกก็ต้องเดินกลับไปที่เรือก่อนมืดมองไม่เห็นทางครับ ซึ่งไปรอกลุ่มที่เราไปด้วยกัน คนขับเรือก็ชี้ให้ดูพระจันทร์ที่
กำลังลอยขึ้นมาช้าๆ ผ่านกลุ่มเมฆ ตอนนี้เปลี่ยนเลนส์แทบไม่ทันแน่ะ สวยมากๆ แต่ถาพถ่ายออกมาได้เพียงเท่านี้ล่ะครับ

จบทริป สามพันโบกครับ จากนั้นเราก็กลับเข้าเมืองโดยติดรถคนท้องถื่นเข้าไป ช่วยค่าน้ำมันนิดๆหน่อยๆ และนอนอยู่ในเมืองคืนนี้
ขับมอเตอร์ไซค์ร่อนไปมั่วๆซั่วๆ ฮาาาาา ไร้จุดหมายสิ้นดี

ทิ้งท้ายกับเทียนจำลองทุ่งศรีเมืองแบบฟ้าเน่าครับ ฮ่าาาา จะว่าไปครั้งหน้าก็อยากมางานแห่เทียนพรรษาของที่นี่ดูนะครับ
เพราะว่ายิ่งใหญ่อลังการมาก อยากมาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งหนึ่ง สำหรับทริปนี้ก็ขอตัวลา
ใครอยากไปเที่ยวบ้าง อยากได้ข้อมูลก็ถามๆกันได้เน้อ ไม่ว่ากัน