2 เดือนกับชีวิตบนหลังอาน

ตั้งแต่หลังจากหยุดปีใหม่มานี่ ผมได้ใช้จักรยานในชีวิตประจำวันมากขึ้นครับ
คือการปั่นจักรยานไปทำงานนั่นเอง สาเหตุเลยเพราะว่า มีพี่ที่ออฟฟิศคนนึงเขาปั่นมาทำงานทุกวันเลยครับ
ประกอบกับเมื่อก่อนผมก็ได้ปั่นเล่นบ้าง ทีนี้ดูระยะทางแล้ว เออมันน่าปั่นมาทำงานเหมือนกัน
ออฟฟิศอยู่เพลินจิต ส่วนผมพักอยู่แถวซอยอารีย์ ก็ปั่นตามแนวรถไฟฟ้าได้ ดูระยะทางแล้วก็ราวๆ 7 กิโลเอง

คิดมาตั้งแต่ปลายปีว่าเราควรจะหลีกหนีชีวิตหุ่นยนต์อันแสนน่าเบื่อบ้างนะ แล้วการปั่นจักรยานมาทำงาน
มันก็ทำให้เราได้ออกกำลังกาย สุขภาพก็ตามมา

bike-3

ลังเลอยู่นานว่าจะเลือกรุ่นอะไรดี เพราะก่อนนี้เคยปั่นเสือภูเขา และก็ Tokyo Bike (เป็น road bike คันเล็กๆ เหมาะกับในเมือง)
ซึ่งทั้งสองคันก็ได้ขายไปหมดแล้ว เพราะว่าไม่ได้ปั่นเลย เสียดายเหมือนกัน

จัดการเข้าเว็บแล้วก็ได้ตัวเลือกมาสองรุ่นที่แตกต่าง คือ Merida crossway ตัวนี้เป็น hybrid กับอีกตัวคือ
doppelganger 550 interlagos เป็น mini ล้อ 20 นิ้ว คิดอยู่ซักพักก็ตัดสินใจเอา มินินี่ล่ะวะ เพราะอยากลองสัมผัสความรู้สึกดู
ประกอบกับรถมันเล็กๆน่ารักดี น่าจะซ่อกแซ่กเวลารถติดง่าย แล้วก็ได้มันมา ในราคา 11,800 บาท

bike-4

ได้รถมาวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ตอนเช้าๆ เลยขอซ้อมให้คุ้นกับรถเสียหน่อย ด้วยการปั่นไปหาแฟนแถวๆ สามย่าน ไปกินข้าว
แล้วก็ปั่นกลับ ความรู้สึกแรกเลยคือ มันต้องซอยเท้าเร็วกว่ารถใหญ่พอสมควร 5555 แต่ก็สนุกดี รถไหล พุ่งดีครับ

bike-2

จากนั้นชีวิตการปั่นจักรยานไปทำงานก็ได้เริ่มขึ้น ก็เพลินๆ ดีนะ แต่กรุงเทพฯ รถค่อนข้างเยอะ(มาก)
ยิ่งช่วงนี้ยิ่งเยอะต้องขอบคุณนโยบายรถคันแรกจริงๆ ควันเยอะต้องหาผ้ามาปิดจมูกเสียหน่อย
เส้นทางที่ผมปั่นก็คือปั่นตามแนวรถไฟฟ้าเลยครับ เผื่อมีอะไรฉุกเฉินจะได้ยกขึ้นรถไฟฟ้าไปเลย

หลังจากปั่นมาได้เกือบๆ จะสองเดือนแล้วล่ะ ทำให้รู้ว่าคนกรุงเทพฯ หันมาปั่นจักรยานกันมากขึ้น ได้พบเจอคนที่ปั่นเหมือนๆ กัน
มีทักทายกับอย่างเป็นมิตรเวลาเจอกัน มันทำให้รู้สึกดีมาก รู้สึกว่าเราเป็นมนุษย์มากขึ้น ไม่ใช่หุ่นยนต์กรรมกร
มีปฏิสัมพันธ์รอบข้าง ไม่ได้นั่งรถไฟฟ้า แล้วก้มมองแต่โทรศัพท์

bike-1

จริงๆ ก็อยากให้ทุกๆ คนหันมาปั่นจักรยานกันนะครับ กรุงเทพฯ คงน่าอยู่กว่านี้ ถ้ารถบนท้องถนนน้อยลง
มลพิษก็จะลดลง คนเราก็จะมีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น ขอให้มีความสุขกับการใช้ชีวิตทุกๆคนนะคร้าบ 😀