1 ปีกับการเปลี่ยนแปลง

จั่วหัวไปงั้นแหละ จริงๆคือช่วงนี้ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะ เลยอยากจะรวบรวมเรียบเรียงซะนิดนึง
ทั้งเรื่องการงาน การเงิน อนาคตต่างๆนาๆ แต่เอาจริงๆก็มีแต่ 2 เรื่องหลักๆเท่านั้นเอง

home-4

อย่างแรกที่ทำให้รู้สึกว่าชีวิตเปลี่ยนเลย ก็คือได้ซื้อบ้านเป็นการซื้ออะไรที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตนี้แล้ว ตอนนี้ก็ครบปีพอดี กับชีวิตหนี้
ปีที่ผ่านมายอมรับเลยรายจ่ายเยอะมาก เงินเก็บหายเกือบหมด ทีแรกคิดว่ากู้แล้วก็ผ่อนไปเรื่อยๆ ก็สบายๆแหละนะ
เอาจริงๆมันมีค่าใช้จ่ายที่เรามองไม่เห็นอีก ต่อเติมหมดไปราวๆแสนนึง ค่าเฟอร์นิเจอร์อีก ค่าน้ำ ค่าไฟ และอีกหลายๆอย่าง
ทำให้เงินเก็บเก็บได้น้อยมากๆในช่วงปีที่ผ่านมา

ทำให้ตอนนี้จะใช้จ่ายอะไรก็ต้องคิดเยอะกว่าเดิม เที่ยวรัวๆ ก็ไม่ได้แล้ว และที่สำคัญพอมีบ้านแล้วรู้สึกอยากกลับบ้าน
กลับไปดูแล ทำให้เวลาเที่ยวมันน้อยลงมากเลย

home-1

อย่างที่สอง เรื่องการงาน จริงๆเราซื้อบ้านเอาไว้ที่กาญจนบุรีก็กะจะกลับไปอยู่บ้าน รับงานฟรีแลนซ์
พอเอาเข้าจริงๆ ตั้งใจไว้แล้วว่าปลายปีที่ผ่านมา ลาออกจากงานแล้วจะกลับมาอยู่บ้าน
สุดท้ายก็ทำไม่ได้ มีเพื่อนชวนมาทำงานด้วย เลยลองมาคุยดู แล้วก็เออรู้สึกว่ามันน่าทำ น่าสนุกเลยต่ออีกสักยกจะเป็นอะไรไป
รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่พ่ายแพ้ที่สุดในปีที่ผ่านมาเลยก็ว่าได้ เหมือนไม่สามารถทำได้ดังที่หวัง แต่เอาวะลองอีกสักหน่อยจะเป็นอะไรไป

home-5
ทุบห้องทำ workspace ไว้ที่บ้าน ไม่รู้จะได้ใช้งานจริงๆจังๆเมื่อไร

มาถึงตอนปัจจุบันและอนาคตนี้บ้าง ขอตั้งเป้าหมายกับตัวเองเอาไว้หน่อยแล้วกัน เห็นหลายๆคนเค้าทำกัน

1. ในครึ่งปีที่เหลือนี้จะโปะบ้านตัดเงินต้นให้ได้อีกสักแสนห้าเป็นอย่างน้อย มากกว่านี้ก็ถือเป็นกำไร
2. จะหาเวลากลับไปหัดถ่ายรูปใหม่จริงๆจังๆ เพราะรู้สึกว่ารูปที่ถ่ายมาในช่วงนี้กากเหลือเกิน
3. โมเว็บตัวเองใหม่เสียหน่อย หลังจากปล่อยให้มันพังมาเป็นปี (ทำติวเตอร์เพิ่มด้วย)
4. ปรับหน้าตาเว็บ lost.in.th ใหม่ให้ไฉไลกว่าเดิม
5. ส่งรูปเข้า stock photo ให้ได้อีกสัก 100 รูป

สิ่งที่รู้สึกได้เลยว่า ชีวิตมันเปลี่ยนแปลงไปเยอะจริงๆ เมื่อก่อนเคยเล่นเกม เดี๋ยวนี้เลิกเล่นไปแล้วและไม่รู้สึกอยากเล่นเลย
work hard play harder แบบจริงๆจังๆ ทำงานเยอะ ก็เที่ยวเต็มที่ แต่พักหลังนี้เริ่มเหนื่อยแล้วล่ะ อยากนอนนิ่งๆอยู่บ้าน
เริ่มแคร์กับการเงินและอนาคตมากขึ้น เมื่อก่อนหาได้เยอะก็ใช้เล่นเยอะ เดี๋ยวนี้พอมีหนี้สินก็คิดมากขึ้น
อยู่ในเมืองแต่ไม่ต้องใช้ชีวิตแบบคนเมืองเสมอไป เป็นสิ่งที่บอกตัวเองอยู่เสมอ

สวัสดี